Aveda Cares


เหล่าสัตว์และอเวดา

อเวดาคือแบรนด์ที่ไม่ทำร้ายสัตว์ เราไม่ทดลองส่วนผสมกับสัตว์ และไม่เคยเรียกร้องให้ใครทำ ผลิตภัณฑ์ของเราทดลองกับมนุษย์

การเป็นแบรนด์ที่ไม่ทำร้ายสัตว์เป็นส่วนสำคัญของพันธกิจของเรา ในการดูแลใส่ใจโลกที่เราอาศัยอยู่ และเหล่าสัตว์ที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน มาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ในปี 1978

เราต้องการที่เป็นแบบอย่างของการเป็นผู้นำและแสดงความรับผิดชอบในการใส่ใจดูแล ไม่ใช่เพียงแต่โลกของความงาม แต่เป็นทุกอย่างรอบตัวเรา พันธสัญญาของเราในการดูแลใส่ใจเหล่าสัตว์ต่างๆนั้นดำเนินมาตลอด และจะดำเนินตลอดไป

ในปี 2022 อเวดา ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากการทดลอง และทารุณกรรมในสัตว์ ผ่านมาตรฐานระดับ Gold Standard จากองค์กรที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก

อเวดาเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ความงามไม่ควรทดลองและทารุณกรรมในสัตว์

หรับขั้นตอนในการได้รับอนุมัติจากองค์กร Leaping Bunny Cruelty Free International นั้น อเวดาได้รับการตรวจสอบแล้วว่า ไม่ได้ดำเนินการหรือมีการว่าจ้างให้ทำการทดสอบในสัตว์สำหรับผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ หรือส่วนผสมใดๆ ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบภายใต้มาตรฐานอย่างเข้มงวดเป็นเวลาหลายปีจาก Cruelty Free International เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจได้ว่าซัพพลายเออร์ และผู้ผลิตได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทุกข้อของ LEAPING BUNNY สำหรับการผลิตทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์รวมไปถึงส่วนผสมต่าง ๆ ของอเวดา ซึ่งได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 12 เดือนอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ องค์กรต่อต้านการทดลอง และการทารุณกรรมในสัตว์นานาชาติ โปรดเข้าชม www.crueltyfreeinternational.org


ความสำเร็จที่เราภาคภูมิใจ

ในปี 1989 เราเป็นบริษัทแรกที่ได้ลงนาม Ceres Principles สำหรับความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเรียกร้องการปกป้องโลกและผู้อยู่อาศัยให้ปลอดภัย"

ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของอเวดายังไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นมังสวิรัติ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเราไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ มีเพียงบางผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง น้ำผึ้ง หรือโปรตีนจากนมพร่องมันเนย

โรงงานของเราในเมืองมินเนสโซต้า ได้รับการรับรองว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ป่าจาก National Wildlife Federation เราทำงานร่วมกับ NWF เพื่อสร้างสัญลักษณ์การดำเนินธุรกิจด้วยการใส่ใจสัตว์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยปกป้องปกป้องเหล่าสัตว์ป่าในโรงงานของเรา

เราทำงานร่วมกับ Audubon Minnnesota เพื่อสร้างรังที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ในบริเวณสำนักงานใหญ่ในมินเนสโซต้า สิ่งนี้รวมถึงการสร้างบ้านปล่องไฟ บ้านนกนางแอ่นสีม่วง กล่องไม้สำหรับทำรัง และกล่องที่อยู่อาศัยของนก

เราสนับสนุนโครงการ Audubon's Upper Mississippi River ในเดือนแห่งสิ่งแวดล้อมของอเวดา (Earth month) ตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเป็นการสนับสนุนงานด้านคุณภาพน้ำโดยตรง เพื่อช่วยปกป้องและปรับปรุงที่แม่น้ำซึ่งเป็นที่อยู่สำหรับนกและสัตว์ป่าอื่นๆ

เราช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์การผสมพันธุ์ด้วยเกษร โดยการสนับสนุนสวนผีเสื้อ Aveda Butterfly Garden ที่สวนสัตว์มินเนสโซต้า ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความพยายามในการอนุรักษ์ โดยการระดมเงินทุนเพื่อการเข้าชมสวนนี้ฟรี อเวดาช่วยให้ความรู้กับเด็กๆถึงความสำคัญของการปกป้องผีเสื้อ และแมลงที่มีปีก

ตั้งแต่ปี 2010 เราได้รวบรวมโทรศัพท์มือถือของพนักงานของเรา ไปบริจาคให้กับโครงการ Recycle for Rainforest ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสวนสัตว์มินเนสโซต้า ขณะนี้กองทุนจากโครงการนี้สนับสนุนการอนุรักษ์ของโครงการ Goualougo Triangle Ape (GTAP) ในสาธารณรัฐคองโก (แอฟริกาตะวันตก)

เราได้ให้การสนับสนุนการช่วยเหลือบรรเทาสัตว์ในช่วงภัยพิบัติทางธรรมชาติ เราบริจาคให้แก่ Animal Humane Society ในช่วงพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา และบริจาคให้สหพันธ์สัตว์ป่าแห่งชาติหลังจากภัยพิบัติจากอ่าวเปอร์โตริโก

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา เครือข่ายของเราได้ระดมทุนกว่า 8 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อองค์กรระดับรากหญ้า ซึ่งช่วยปกป้องพืชที่ใกล้สูญพันธุ์และสภาพแวดล้อมของเหล่าสัตว์ รวมถึงสัตว์ในบริเวณดังกล่าวด้วย

เราสนับสนุนพระราชบัญญัติเกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และในปี 2006 เราได้ส่งลายเซ็นมากกว่า 500,000 ลายเซ็นจากเครือข่ายและแขกของเรา ไปที่สหประชาชาติและทำเนียบขาวเพื่อสนับสนุนพรบ.ดังกล่าว

เราได้จัดตั้งสวนผึ้งที่สำนักงานใหญ่ของเราที่มินเนสโซต้า และจัดหาอำนวยความสะดวกให้แก่ผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง โดยให้อาหารที่ปลอดสารกำจัดศัตรูพืช ที่พักพิง และน้ำดื่ม

กระดาษเปลือกไม้ทำด้วยมือจากเนปาลสำหรับชุดกล่องของขวัญประจำเทศกาลของเรา เราได้รับการรับรอง Wildlife Friendly® จาก Wildlife Friendly Enterprise Network พันธสัญญาของเราในการซื้อกระดาษชนิดนี้ ช่วยปกป้องป่าเนื้อที่ 34,000 เอเคอร์ ช่วยรักษาเส้นทางเดินป่าที่สำคัญสำหรับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ 21 ชนิด เช่น หมาป่าสีเทา เสือดาวหิมะและจามรี

 

สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งเต้านม

ทุกๆปีในระหว่างเดือนที่รณรงค์การตระหนักรู้เรื่องโรคมะเร็งเต้านม อเวดาจะมีผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีอย่าง hand relief™ moisturizing creme ครีมทามือเพื่อผิวชุ่มชื้น มาจำหน่าย และบริจาคเงิน 4 ดอลล่าร์สหรัฐต่อการซื้อแต่ละหลอด ให้กับ The Breast Cancer Research Foundation® (BCRF) BCRF เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งในปี 1993 โดย Evelyn H. Lauder และเป็นองค์กรระดับสากลที่สนับสนุนเงินวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม ณ สถาบันการแพทย์ในประเทศต่างๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BCRF อ่านได้ที่ bcrfcure.org

 

สนันสนุนการวิจัยการไม่ทดลองกับสัตว์

เงินบริจาคจากอเวดา ใช้ในการสนับสนุนงานวิจัยการไม่ทดลองกับสัตว์ เพื่อสำรวจสาเหตุแห่งสิ่งแวดล้อม ที่เชื่อมโยงไปกับโรคมะเร็งเต้านม เช่นการได้รับสารเคมีและมลภาวะ ในหลายปีมานี้ เงินทุนของเราได้ถูกใช้ในโรงการวิจัยในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในนิวยอร์ค ที่ศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาระหว่างสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรมที่ส่งผลให้เกิดโรงมะเร็งเต้านม ในอนาคตเงินทุนจะสนับสนุนโปรเจคนี้หรือโปรเจคที่คล้ายกัน


อเวดาและชนเผ่า YAWANAWA

ชาว Yawanawa ผู้ปลูกเมล็ด Brazilian urukum สีแดงส้มสวยงาม ทำงานเป็นชุมชนที่เติบโตและได้รับการสนับสนุนจากอเวดา

ณ แม่น้ำอเมซอน ในประเทศบราซิล บริเวณแม่น้ำสายย่อย Rio Gregorio เป็นดินแดนของชาว Yawanawa แหล่งชุมชนพื้นเมืองที่มีป่าฝน แม่น้ำใสสะอาด และแคมป์ล่าสุดที่กระจายตัวกัน

เรื่องราวของ urukum แหล่งส่วนผสมอันโดดเด่นของอเวดา รู้จักอย่างทั่วไปว่า ชาด ชาวชุมชนพื้นเมืองบราซิลใช้สีแดงสดนี้ในการแต่งแต้มใบหน้าและเรือนร่าง ซึ่งดลใจให้อเวดาเลือกใช้ ตั้งแต่เมื่อครั้งผู้ก่อตั้งอเวดาได้พบกับชาว yawanawa เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาอเวดาก็ได้ค้นหาวัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆในหลากหลายผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ในเวลาที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้พัฒนาความสัมพันธ์กับชาว yawanawa อย่างประสบความสำเร็จและความท้าทายที่สำคัญ

 

ประวัติชนเผ่า YAWANAWA

ชุมชนนี้ได้ดิ้นรนต่อสู้มาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อคนปลูกต้นยางเรียกร้องพื้นดิน yawanawa พัฒนาการปลูกต้นยางในป่าฝน และบังคับชาว yawanawa ให้เป็นผู้ใช้แรงงาน ในช่วงระยะเวลานี้นักเผยแพร่ศาสนาพยายามชักจูงพวกเขาให้นับถือศาสนาคริสต์ และหยุดยั้งวัฒนาธรรมดั้งเดิมของพวกเขา ตลอดชั่วอายุคน Yawanawa พยายามที่จะรักษาเอกลักษณ์ของชุมชนไว้และเก็บรักษาประเพณีมาหลายร้อยปี ในขณะที่ตลาดยางธรรมชาติลดลงในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ชาว yawanawa หลายคนที่เปลี่ยนมาพึ่งพารายได้ที่เป็นเงินสด และลดการล่าสัตว์และทำฟาร์มดั้งเดิมลง ออกจากชุมชน ไปหางานในเมืองที่ทันสมัยของประเทศบราซิล

สัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเกิดขึ้นเมื่อปี 1984 เมื่อนักเผยแผ่ศาสนาเลือกชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ Biraci Brazil เข้าร่วมภารกิจของพวกเขา Biraci ถูกส่งไปยังเมือง Rio Branco ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อศึกษา เขาค้นพบกฎหมายที่ให้หลักประกันแก่สิทธิชนเผ่าพื้นเมืองและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อกำกับดูแลกิจการในท้องถิ่น Biraci กลับไปที่ชุมชนพร้อมกับหลักฐานการเป็นเจ้าของที่ดินอันถูกต้องของชาว yawanawa และนำชาว yawanawa ในการต่อสู้เพื่อเรียกคืนสิทธิ์ ในปี 1987 Biraci ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าเผ่าและต่อมาเขาชุมชนก็บรรลุความเป็นอิสระจากกลุ่มผู้ปลูกยางและคณะนักเผยแพร่ศาสนา

เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการพึ่งพารายได้จากเงินสดที่มีการพัฒนามาเกือบศตวรรษจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพัฒนาวิธีการเพื่อให้บรรลุความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจเพื่อให้ชาว Yawanawa สามารถกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนและฟื้นฟูประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าได้
 

ชนเผ่า YAWANAWA สานสัมพันธ์กับอเวดา

Aveda และ Yawanawa แรกทีรู้จักและเชื่อมต่อกันผ่านการประชุมระหว่าง Biraci และ Horst Rechelbacher ผู้ก่อตั้ง Aveda ในการประชุมสหประชาชาติครั้งแรกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาใน Rio de Janeiro ประเทศบราซิล ในปี 1992

เม็ดสีแดงของ urukum ซึ่งมาจากเมล็ดผลไม้แหลมคม มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมชาว Yawanawa ช่วยให้พวกเขาแสดงความเป็นตัวตน และสำหรับพิธีพิเศษ พวกเขาลงสีบนผิวด้วยรูปแบบทางเรขาคณิตซับซ้อนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ชนเผ่าที่สำคัญ หรือการถู urukum บนร่างกายของพวกเขา การออกแบบแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะและแต่ละคนก็เป็นศิลปิน การใช้ประโยชน์จากส่วนผสมที่สวยงามนี้ดึงดูดอเวดาสู่ yawanawa ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบพิเศษของชาด

ในขณะที่เม็ดสีชาดเป็นสีผสมอาหารที่ไม่แพง และถูกปลูกในพื้นที่เขตร้อนอื่นๆ อเวดาได้เลือกที่จะทำงานร่วมกับชุมชนนี้ เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม รวมทั้งช่วยปกป้องวัฒนธรรมพื้นบ้าน และภูมิปัญญาที่ลึกซึ้ง เช่นความรู้เกี่ยวกับพฤกษศาสตร์

การเปลี่ยนแปลงจากการปลูกพืชแบบชนเผ่าดั้งเดิมมาเป็นวัตถุดิบสำหรับการเพาะปลูกไม่ใช่กระบวนการที่ง่าย ในช่วง 10 ปีแรกมีการผลิต urukum เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต และบุคคลที่สามได้มีการระบุตัวตน นอกจากนี้ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงผู้นำได้เกิดขึ้นในชุมชน และ Tashka Yawanawa สมาชิกชนเผ่าหนุ่มที่ศึกษาธุรกิจในเมืองใกล้เคียงได้รับการคัดเลือกจาก Biraci ผู้นำ ให้เป็นผู้นำคนต่อไป

ในช่วงปี 2000 ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นภายใต้การเป็นผู้นำของ Tashka คือการรื้อฟื้นวัฒนธรรมดั้งเดิม การดูแลสุขภาพที่ทันสมัย การปรับปรุงด้านคุณภาพอาหาร และที่สำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญกับเผ่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของชนเผ่าดั้งเดิม ในช่วงเวลานี้ yawanawa สามารถให้ uruku ที่เป็นแหล่งของส่วนผสมในเครื่องสำอาง และบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในปั 2008 มีการแบ่งแยกความเป็นผู้นำ แม้ว่าชาว yawanawa ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นเอกภาพในเรื่องการรักษาดินแดน ชาว Yawanawa บางคนติดตาม Biraci และบางคนก็ติดตาม Tashka


ผลประโยชน์ และความท้าทาย จากความสัมพันธ์

Yawanawa กล่าวถึงความสำเร็จมากมายของพวกเรามาจากการช่วยเหลือสนับสนุนของอเวดา ในระหว่างความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน

• การสร้างวัฒนธรรมดั้งเดิมของ yawanawa ให้กลับมาอีกครั้ง และแข็งแกร่งขึ้น โดยการตีพิมพ์ในหนังสือเล่มแรกในภาษาพื้นเมืองและการถ่ายทำวิดีโอ "Yawa" ซึ่งอธิบายวัฒนธรรมของเขาให้โลกได้รับรู้

• การพัฒนาหลากหลายชุมชน รวมไปถึงการปลูก urukum ในชุมชนใหม่, Novo Esperança, อุปกรณ์การเพาะปลูก urukum, โรงเรียน, ช่วยเหลือการศึกษาสำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนมหาวิทยาลัย, สถานที่จำหน่ายยาป้องกันโรคมาลาเรีย, น้ำดื่มสะอาดจากเงินทุนของโครงการ Earth Month, ปรับปรุงคุณภาพความปลอดภัยของอาหารโดยการเพาะปลูกแนวใหม่ และเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการแปลงเครื่องยนต์ไบโอดีเซลสำหรับการขนส่งทางน้ำของพวกเขา


สำหรับอเวดา ความสัมพันธ์นี้ได้มอบผลประโยชน์หลายๆอย่างเช่นกัน ดังนี้

• เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับชุมชนแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของความสัมพันธ์กับซัพพลายเชนของอเวดาอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

• เพิ่มพูนความรู้และมีส่วนร่วมเกี่ยวกับวัฒนธรรมชนพื้นเมืองทั่วโลก ผ่านการร่วมมือกันกับสหประชาชาติ

• ดูกระบวนการของชาว yawanawa และแบ่งปันกระบวนการนี้สู่ลูกค้าของเรา

• นำวัถุดิบพื้นเมืองและการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์มาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์


ความสัมพันธ์นี้ยังสร้างความท้าทายตลอดเวลาที่ผ่านมา:

• การเปลี่ยนแปลงจากการปลูกพืชแบบชนเผ่าดั้งเดิมมาเป็นวัตถุดิบสำหรับการเพาะปลูกไม่ใช่กระบวนการที่ง่าย ในช่วง 10 ปีแรกมีการผลิต urukum เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต และบุคคลที่สามได้มีการระบุตัวตน

• วิสัยทัศน์เดิมในการช่วยให้ชาว yawanawa พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ยังไม่ได้รับการตระหนัก เนื่องจากความห่างไกลของทำเลที่ตั้งและการเข้าถึงตลาดที่อาจเป็นไปได้ยาก

• การผลิต urukum ถูกขัดจังหวะ ตั้งแต่การแบ่งแยกผู้นำในปี 2008 คนที่ติดตาม Tashka จัดตั้งกลุ่มความร่วมมือใหม่ชื่อ Associação Sóciocultural Yawanawa (ASY) ซึ่งทำงานเพื่อพัฒนา urukum สายพันธุ์ใหม่ให้อเวดา ในช่วงเวลานี้อเวดาไม่ได้รับ urukum จาก yawanawa เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ และจำเป็นต้องใช้จากซัพพลายเออร์เจ้าอื่น


ในขณะที่ความสัมพันธ์นี้มีความท้าทายมาโดยตลอด แต่ก็ยังคงพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป และเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบริษัท และชุมชนชนพื้นเมือง ที่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของป่าฝนอันมีมายาวนานในอเมซอน
 

ในอนาคตข้างหน้า

อเวดายังคงสนับสนุนการพัฒนาแหล่งปลูก urukum ใหม่จากชุมชน ที่รวมตัวชื่อ Associação Sóciocultural Yawanawa (ASY) เพื่อชดเชยชุมชนเหล่านั้นในการใช้สิทธิ์ของรูปภาพในการสื่อสารแบรนด์ และการระดมเงินทุนสำหรับโครงการอื่นๆของชุมชน พร้อมกันนี้อเวดาได้ทำงานร่วมกับชาว yawanawa เพื่อหาโอกาสในอนาคตในการที่จะให้พวกเขาอยู่ได้อย่างอิสระและยั่งยืน ในช่วงแรกของกระบวนการนี้ โอกาสสำหรับพวกเขาคือการได้รับเงินสำหรับ "บริการระบบนิเวศน์" เช่น การขจัดคาร์บอน, การปกป้องแหล่งน้ำและการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต สำหรับการปกป้องป่านั้นเป็นการทำงานร่วมกัน อเวดาสนับสนุนชาว yawanawa ในการสร้างรายได้ระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันยาวนาน 20 ปี

 

*ยอดจำหน่ายกระดาษอเวดา ช่วยเหลือผู้ผลิตกระดาษ 4900 คนให้มีรายได้ จากเดือนมิถุนายน 2015 - มิถุนายน 2016

**ผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ต่อมา 5 ปี จากการได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม (มะเร็งที่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่นอกเต้านม) อยู่ที่ 98% ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงหรือต่อมน้ำหลืองหรืออวัยวะที่ห่างไกล (ระยะแพร่กระจาย) อัตราการรอดชีวิตลดลง 84% หรือ 24% ตามลำดับ ที่มา: www.bcrfcure.org/breast-cancer-statistics